ถ้าคุณเคยตั้งคำถามว่า “ทำไมนาฬิกาบนข้อมือเรือนหนึ่ง ถึงราคาเป็นแสน เป็นล้าน” บทความนี้จะไม่ใช่แค่คำตอบ แต่จะเปิดมุมมองใหม่ที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน
- กลไกที่ต้องใช้คนสร้าง ไม่ใช่สายพานผลิต
นาฬิกาหรูใช้กลไก Mechanical หรือ Automatic ที่ประกอบด้วยชิ้นส่วนขนาดเล็กกว่าหัวเข็มหมุดกว่า 200 ชิ้น บางรุ่นอย่าง Patek Philippe ต้องใช้ช่างฝีมือฝึกงาน 5-10 ปีจึงจะสามารถประกอบได้สมบูรณ์ ต่างจากนาฬิกาทั่วไป ที่ใช้กลไกควอตซ์ซึ่งผลิตจำนวนมากด้วยเครื่องจักร - วัสดุที่เลือกมาเพื่ออยู่กับคุณตลอดชีวิต
- Rolex ใช้สเตนเลส 904L ซึ่งแข็งแรงและกันสนิมกว่าสเตนเลสมาตรฐาน
- Richard Mille ใช้วัสดุจากโลกของ Formula 1 และ Aerospace
- Patek ใช้ทองคำ 18K หรือ platinum ทั้งเรือน
นาฬิกาทั่วไป มักใช้โลหะอัลลอยด์หรือสายหนังสังเคราะห์ที่เสื่อมตามเวลา
- เวลาในการผลิตนานเพราะทุกชิ้นคืองานศิลป์
นาฬิกาอย่าง Audemars Piguet Royal Oak บางรุ่นใช้เวลา “ขัดตัวเรือน” เพียงอย่างเดียวถึง 3 วัน และบางเรือนต้องใช้เวลาผลิตทั้งกระบวนการนานถึง 1 ปี - มีเรื่องราว มีตำนาน มีมูลค่าต่อ
แบรนด์หรูอย่าง Patek หรือ Rolex ไม่ได้ขายแค่สินค้า แต่ขาย “ประวัติศาสตร์และความน่าเชื่อถือ”
เช่น Rolex Daytona เคยอยู่บนข้อมือของ Paul Newman หรือ Patek Philippe ที่เคยทำเรือนพิเศษให้ราชวงศ์ยุโรป เมื่อของมี Story ราคาก็จะยิ่งพุ่งและทรงอิทธิพลเพราะ demand ของตลาด - นาฬิกาหรู = สินทรัพย์ ไม่ได้เป็นเพียงแค่เครื่องประดับ
รุ่นยอดนิยมบางรุ่น ราคามือสองสูงกว่าราคาใหม่ เช่น
- Rolex Submariner ราคาขายต่อสูงขึ้นปีละเฉลี่ย 7-10%
- Patek Philippe Nautilus มี waiting list ยาวถึง 10 ปี และราคาขายต่อสูงกว่าราคาป้ายเกือบ 3 เท่า
นาฬิกาเหล่านี้จึงเป็นมากกว่าสิ่งของ มันคือ “Asset ที่ใส่ได้”
นาฬิกาหรูไม่ได้แพงเพราะความสวยหรือมีแบรนด์ แต่แพงเพราะรวมคุณค่าทั้งด้านกลไก ศิลปะ วัสดุ เวลา ความหายาก และมูลค่าทางจิตวิญญาณของแบรนด์ไว้บนข้อมือ
หากสนใจเรือนไหนสามารถปรึกษา THONG เพิ่มเติมได้ที่ LINE OA: @THONGPATEK
แหล่งที่มา
- Fondation de la Haute Horlogerie – Haute Horlogerie Explained
- Rolex Official – Materials and Production Process
- Patek Philippe – Craftsmanship and Tradition
- WatchBox Market Report 2024 – Price Retention in Luxury Watches
- Phillips Auction Results – Investment-grade Watch Models
